วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และการประมวลผลข้อมูล


หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และการประมวลผลข้อมูล
ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์คืออะไร
คอมพิวเตอร์คืออะไร คอมพิวเตอร์คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์อื่นที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ โดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าได้ หรือโปรแกรมได้ (Programmable) นั่นคือคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ขั้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก-ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์คือ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความถูกต้อง และมีความรวดเร็ว

1. คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
2. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
3. องค์ประกอบของระบบ
4. วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์
5. องค์กรกำหนดมาตรฐาน



ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
1. ความเร็ว (Speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้สามารถทำงานได้ถึงร้อยล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที

2. ความเชื่อถือได้ (Reliable)คอมพิวเตอร์ทุกวันนี้จะทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่มีข้อผิดพลาด และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

3.ความถูกต้องแม่นยำ (Accurate)วงจรในคอมพิวเตอร์นั้นจะให้ผลของการคำนวณที่ถูกต้องเสมอ หากผลของการคำนวณผิดจาดที่ควรจะเป็น มักเกิดจากความผิดพลาดของโปรแกรมหรือของข้อมูลที่เข้าสู่โปรแกรม
4. เก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ได้ (Store Massive Amounts of Information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีที่เก็บข้อมูลสำรองที่มีความจุมากกว่าหนึ่งพันล้านตัวอักษร และสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งล้าน ๆ ตัวอักษร

 ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ โดยใช้ความแตกต่างจากขนาดของเครื่อง ความเร็วในการประมวลผล รวมทั้งราคาเป็นหลัก คือ

1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง แต่จะมีราคาแพงที่สุดด้วยรวมทั้งต้องอยู่ในห้องที่ได้รับการควบคุมอุณหภูมิ และปราศจากฝุ่นละออง ทำให้ต้องเป็นองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น จึงสามารถจัดเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มาใช้งานที่มีการคำนวณที่ซับซ้อน เช่น การคำนวณทางวิทยาศาสตร์การบิน อุตสาหกรรมน้ำมัน เป็นต้นรวมทั้งพบมากในวงการวิจัยในห้องปฏิบัติการต่างๆ ทั้งของภาครัฐบาลและเอกชน
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นแรกสร้างในปี ค.ศ. 1960 ที่องค์การทหารของสหรัฐอเมริกาโดยได้รับการออกแบบมาให้เป็นคอมพิวเตอร์ ที่เร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในขณะนั้น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการใช้หลักการที่เรียกว่า มัลติโปรเซสซิง (Multiprocessing) อันเป็นการใช้หน่วยประมวลผลจำนวนหลายตัว เพื่อทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานพร้อม ๆ กันได้ โดยที่งานเหล่านั้นอาจจะเป็นงานที่แตกต่างกัน งานที่ไม่เกี่ยวข้องกันหรืออาจจะเป็นงานใหญ่ที่ถูกแบ่งย่อยไป ให้หน่วยประมวลผลแต่ละตัวทำงานก็ได้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นแรกมีหน่วยประมวลผลกลางทั้งหมดสี่ตัว
คลิกเพื่อดูภาพขยาย ภาพที่ 1.2
เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ
แต่ในปัจจุบันนี้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ได้รับ การพัฒนาไปมาก จนกระทั่งสามารถมีหน่วยประมวลผลนับร้อยตัวทำงานพร้อม ๆ กัน
ความเร็วของซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะมีการวัดหน่วยเป็น นาโนวินาที (Nanosecond) หรือเศษหนึ่งส่วนพันล้านวินาที และ จิกะฟลอป (Gigaflop) หรือการคำนวณหนึ่งพันล้านครั้งในหนึ่งวินาที ซึ่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์สามารถคำนวณได้ถึง 128 จิกะฟลอป และใช้เครื่องที่มี สายส่งข้อมูล (data bus)
กว้าง 32 หรือ 64 บิต
จากคุณสมบัติของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าผู้ใช้ควรนำซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไปใช้งานที่มี
การคำนวณมาก ๆ เช่น งานทางด้านกราฟฟิก หรือการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

เเหล่งที่มา                                                                                        http://cw.rmuti.ac.th/lo/index.php?option=com_content&task=view&id=86&catid=39


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น